เบียว คืออะไร
เบียว
ความหมาย
คำว่า “เบียว” มีที่มาจากคำในภาษาญี่ปุ่นว่าจูนิเบียวซึ่งแปลได้ว่าโรคป่วยของเด็กนักเรียน ม.2 โดยจูนิเบียวเป็นคำเชิงลบที่ใช้อธิบายอาการแสดงออกของเด็กที่เหมือนรอบรู้ไปทุกอย่างหรือการแสดงพฤติกรรมที่น่าอายในสายตาของคนรอบข้างโดยตัวเองไม่รู้ตัว และสำคัญผิดว่าเป็นการกระทำที่ทำให้ตัวเองดูดี ทั้งนี้ยังรวมไปถึงอาการที่แยกโลกในความเป็นจริงกับโลกในจินตนาการไม่ออกด้วย โดยตัวอย่างที่ชัดเจน ได้แก่ ตัวละครในวรรณกรรมคลาสสิกของสเปนอย่าง ดอน กีโฆเต้ ซึ่งมีพฤติกรรมบ่งบอกอาการของการแยกไม่ออกระหว่างโลกในความเป็นจริงกับโลกในจินตนาการ ทั้งนี้จูนิเบียวไม่ใช่โรคที่มีอยู่จริง แต่เป็นแค่ชื่อเรียกพฤติกรรมของเด็กในช่วงวัยหนึ่ง
ในประเทศไทยคำว่า “เบียว” ส่วนมากมีความหมายทั้งในเชิงของจูนิเบียวและการเป็นเด็กไม่รู้จักโต จูนิเบียวถูกใช้โดยกลุ่มคนที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น เพื่อใช้อธิบายหรือวิจารณ์สื่อบันเทิงต่าง ๆ ที่ตนเสพ รวมถึงพฤติกรรมของผู้คนที่พบเจอในชีวิตประจำวัน โดยกร่อนคำเหลือเพียงเบียวเพื่อให้ง่ายต่อการใช้ ต่อมาคำว่าเบียวถูกใช้เป็นคำศัพท์ที่อธิบายพฤติกรรมการแสดงออกทางความคิดในเรื่องสังคมการเมือง โดยเฉพาะกับคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีรากเหง้าจากกลุ่มเฟซบุ๊คชื่อ Thanes Wongyannava
ความแพร่หลาย
คำว่าเบียวกลายเป็นคำศัพท์ที่แพร่หลายในเชิงการเมืองมากขึ้น โดยเริ่มจากกลุ่มชื่อ Thanes Wongyannava ซึ่งเป็นกลุ่มเฟซบุ๊คที่ ธเนศ วงศ์ยานนาวาและครอบครัว ก่อตั้งขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้คนโดยเฉพาะบรรดาลูกศิษย์
ปกติแล้วกลุ่ม Thanes Wongyannava จะค่อนข้างมีความเป็นวิชาการ ส่วนใหญ่เป็นคนที่พยายามเข้ามาพูดคุยเพื่อถามคำถามกับตัว ธเนศ วงศ์ยานนาวา และมักจะได้ผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการคนอื่นมาแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเนื้อหาการพูดคุยที่ค่อนข้างหนักกลุ่ม Thanes Wongyannava จึงไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวมากนักในช่วงแรก ๆ สมาชิกที่ตื่นตัวต่อการเข้าร่วมเป็นพิเศษในช่วงหนึ่ง ได้แก่ ผู้ใช้บัญชีชื่อว่า อรุณ บุญศิริ และผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊คชื่อ วรางค์ โดยอรุณมีลักษณะการโพสต์เฟซบุ๊คที่แสดงความเกลียดชังต่อกลุ่มคนบางกลุ่มเป็นพิเศษ ส่วนวรางค์จะมีลักษณะการโพสต์ออกไปทางเล่นสนุกไร้สาระ
ต่อมากลุ่ม Thanes Wongyannava ได้มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากจนสมาชิกทะลุเป็นหนึ่งหมื่นสี่พันคน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่น และหลายคนเป็นเด็กมัธยม ด้วยจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นกลุ่ม Thanes Wongyannava เริ่มมีการสื่อข้อความในลักษณะยั่วยุแดกดัน (shitposting) บ่อยมากขึ้น และเริ่มมีการโพสต์ข้อความเหยียดชาติพันธุ์ เหยียดเพศ จนกลายเป็นอริกันกับกลุ่มแนวร่วมเฟมินิสต์ ซึ่งส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่บนทวิตเตอร์ช่วงนี้เองที่มีการขนานนามสมาชิกกลุ่ม Thanes Wongyannava แบบเหมารวมว่าผู้ชายกลุ่มธเนศในความหมายเชิงลบว่าเป็นกลุ่มปฏิกิริยาที่ไม่ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงอันจะทำให้เกิดความเท่าเทียมกันทางเพศ
ด้วยสภาพดังกล่าวทำให้ครอบครัว ธเนศ วงศ์ยานนาวา ตัดสินใจประกาศปิดกลุ่มเฟซบุ๊คดังกล่าวใน วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2562 และปิดกลุ่มไม่ให้โพสต์หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ของวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป หลังจากกลุ่ม Thanes Wongyannava ได้ปิดตัวลงสมาชิกก็ได้ไปตั้งกลุ่มกันเอง โดยไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับธเนศ วงศ์ยานนาวาและครอบครัว กลุ่มแรกมีชื่อว่า “The Sanctuary of Wongyannavian” แต่ก็ปิดตัวลงในเวลาไม่นาน เพราะมีเนื้อหาของโพสต์ที่ค่อนข้างผิดจากบรรทัดฐานของสังคม ช่วงนี้เองที่สมาชิกในกลุ่มได้เริ่มแสดงการล้อเลียนคนในกลุ่มตัวเองว่าเบียว และคำว่าเบียวก็ถูกนำไปใช้ในกลุ่มเฟมินิสต์ในทวิตเตอร์ ซึ่งต่อมากลายเป็นชื่อเรียกของกลุ่มว่ากลุ่มเบียว
ความหมายของคำว่าเบียวที่ใช้ในกลุ่มแรกเริ่มมีความหมายใกล้เคียงกับคำในภาษาญี่ปุ่น แต่เมื่อถูกกลุ่มคนในทวิตเตอร์หยิบไปใช้ ความหมายของคำก็เลื่อนไหลจนมีนัยยะหมายถึง กลุ่มขวาจัด ปฏิกิริยา โดยความหมายคาบเกี่ยวกับศัพท์แสลงในภาษาอังกฤษซึ่งใช้ในสังคมอินเตอร์เน็ตของตะวันตกว่า Incel และ autistic โดยคำแรกหมายถึงกลุ่มคนที่ส่วนมากเป็นผู้ชายซึ่งไม่สามารถหาคนรักได้ในชีวิตจริง คือเอาแต่โทษว่าเป็นเพราะตัวผู้หญิงเองที่ไม่ยอมรับว่าปัญหานั่นส่วนหนึ่งเริ่มจากตัวเอง ขณะที่ autistic เป็นคำดูถูกในเว็บบอร์ด 4Chan โดยหยิบเอาอาการของโรคออทิสติกมาประกอบ เพื่อใช้ดูถูกว่าพฤติกรรมของคนนั้น ๆ ในบอร์ดเหมือนกับคนป่วยเป็นโรคออทิสติก
หลังจากได้ชื่อนี้ กลุ่มเบียวก็ได้ทำการตั้งกลุ่มใหม่ชื่อว่า “The Sanctuary of เบียวชิบหาย” ก่อนที่ต่อมาจะมีการแตกกลุ่มกลายเป็นกลุ่มดังต่อไปนี้
1. The Sanctuary of เบียวชิบหาย
2. Politics Behind the keyboard
3. แสงทอง
โดยสมาชิกบางคนอยู่ทั้งสามกลุ่ม ลักษณะของกลุ่ม The Sanctuary of เบียวชิบหาย จะมีความใกล้เคียงกับภาพลักษณ์ในอดีตที่กลุ่มเฟมินิสต์ในทวิตเตอร์จดจำมากที่สุด รองลงมาคือกลุ่มแสงทอง Politics Behind the Keyboard จะพยายามทำตัวให้แตกต่างจากกลุ่มอื่น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องการหนีออกมาตั้งกลุ่มใหม่เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกมองแบบเหมารวมกับกลุ่มเบียว หรือแสงทอง โดยกลุ่ม Politics Behind the Keyboard พยายามจะอธิบายว่าตนเป็นกลุ่มปัญญาชน และมองกลุ่มอื่นอย่างแสงทองว่าเป็นลิง หรือในที่นี้หมายถึงมีสติปัญญาไม่ต่างจากสัตว์ ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มทั้งสามบางคนก็เป็นสมาชิกอยู่ในทุกกลุ่มโดยสวมบทบาทไปตามลักษณะของกลุ่มแต่ละกลุ่มก็มี
https://youtu.be/OOLrQIbhqCA?si=inI5Gl6ANK7D2-T2
แหล่งที่มา
http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น